วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

เทสๆ ดับเบิลรีวิว ลูกชายคนที่ 7ของโดราเอม่อน



เมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมา ผมใช้เวลาไปกับการดูหนังที่โรงหนัง
 บวกกับมีเรื่องที่อยากดูถึง 2 เรื่อง ก็คือโดราเอม่อน ซึ่งฉายไม่กี่วันหลังจากผมกลับจากญี่ปุ่น
 แล้วก็ เซเว่นซัน ซึ่งเป็นอารมณ์ต่อเนื่องมาจาก ฮอปบิท ครับ
(ประมาณว่า ดูฮอปบิทแล้วอยากดูหนังอารมณ์แฟนตาซีอะไรประมาณนี้)
บวกกับหนังเข้าวันที่ 31พอดี เลยจัดซะเลย

โอเคเรามาว่ากันไปทีละเรื่อง เริ่มจาก


เป็นครั้งแรกที่โดราเอม่อนถูกทำเป็นหนังชนโรงแบบ 3D ครับ
โดยได้ผู้กำกับหนังดราม่าชื่อดังอย่าง Alway (ที่ผมไม่ได้ดู) มาจัดเต็มให้คนดู
โดยเนื้อเรื่องเป็นการเอาตอนสำคัญๆ หลายๆ ตอนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นอนาคตของโนบิตะ 
และการจากไปของโดราเอม่อน มายำรวมกันให้เป็นหนังเรืองเดียวกันครับ 

เหมือนว่า ตัวหนังจะถูกตั้งโจยท์เอาไว้ว่า จะต้องทำให้คนดูที่ไม่รุ้จักโดราเอม่อนดูรุ้เรื่องด้วย 
ดังนั้นตัวหนังจึงไม่ได้เริ่มเรื่องมากลางทางเหมือนกัน โดราเอม่อนมุวี่เรื่องอื่นๆ 

แต่เริ่มเรื่องตั้งแต่การเจอกันครั้งแรกระหว่างโบนิตะและโดราเอม่อนกันเลยทีเดียวครับ 

สำหรับคนที่เคยดู หรืออ่านเวอร์ชั่นต้นฉบับมาก่อน จะพอดูออกครับว่า
ตัวหนังจะแบ่งเป็นช่วงๆ ครับ

ช่วงการเจอกัน

ช่วงการใช้ของวิเศษ (ซึ่งตรงนี้เองก็เป็นการพรีวิวของวิเศษชิ้นอื่นที่จะมีบทบาทในเรื่องต่อไปด้วย)

ก่อนจะปูเรื่องไปว่าของวิเศษไม่สามารถทำให้โนบิตะลงเอยกับชิซุกะได้ 

ก่อนจะลิ๊งค์ไปถึงช่วงอนาคตที่ทำให้ชิซุกะตัดสินใจแต่งงานกับโนบิตะ 
(ซึ่งตรงนี้ก็มีการปรับบทนิดหน่อย แต่ก็ตัดบทบางส่วนที่น่าสนใจ อย่างเช่น ตอนที่โนบิตะไปคุยกับอาจารย์ ไปด้วยเหมือนกัน)

แน่นอนครับ เมื่อทุอย่างแฮปปี้ดูดีไปหมด เรื่องก็จะตัดเข้าสู่่
ช่วงที่โดราเอม่อนต้องกลับไปสู้โลกอนาคต

และตัดจบที่ช่วงสุดท้ายที่ตัวโฆษณาหรือเทลเลอร์ใดๆ ไม่มรการพูดถึงเลย 
(ซึ่งคนที่เคยอ่านมาก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น)

...........
ช่วงที่สนุกที่สุดอีกส่วนนึง สำหรับคนที่เคยอ่านต้นฉบับมาก่อน
ผมว่าก็คือช่วง เครดิตหลังจบนี่แหล่ะครับ 
เพราะทำเป็นฉากหลุดๆ สไตล์เบื้องหลังการถ่ายทำ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เคยมีในเวอร์ชั่นใหนมาก่อน 

........
มาดูกันที่ตัวหนังครับ 

ด้วยเทคโนโลยี3Dในปัจจุบัน จึงไม่ยากเลยซักนิดครับ ที่จะทำให้ตัวหนัง3D ดูมีชีวิตชีวาได้แบบอนิเม2D
แถมยังเก็บรายละเอียดปลีกย่อย และคุมสเกลของฉากได้อย่างน่าสนใจ 

สิ่งที่โดนใจผมเป็นพิเศษคือบรรยากาศของตัวเมืองครับ 
การเป็นหนัง 3D ทำให้ภาพนี้ คือโดราเอม่อน ที่เก็บรายละเอียดบรรยากาศฉากตัวเมืองได้
เยียมยอดที่สุด เท่าที่โดราเอม่อนมูวี่ เคยมีมาครับ!!

อีกสิ่งนึงที่หลายๆ คนอาจมองข้ามไปหรือหลงลืมไปครับ 
ว่าโดราเอม่อนนั้น จะเรียกว่าเป็นหนังย้อยยุคก็ว่าได้ครับ 
เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในโลกยุคราวๆ 30ปีที่แล้ว ยุคที่ยังไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มือถือไซด์กระติกน้ำ

ดังนั้นสิ่งที่ปรากฎในเรื่องอย่าง บ้านเมือง ผู้คน รถรา ตู้กดน้ำ ถูกเก็บรายละเอียดมาให้เป็นญี่ปุ่นยุค30ปีที่แล้วได้อย่างดีครับ 

ทว่าเมื่อสถาพแวดล้อมถูกเก็บรายละเอียดมาอย่างดีแล้ว ก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ครับว่า
ไม่มีใครสนใจไอ้โนบิตะที่ปะค๊อปเตอร์ไม้ไผ่ร่อนไปร่อนมาอยู่กลางลานนั่นะเลยเรอะ - 0-...

แต่เอาเถอะ... ไม่ต้องไปสนใจครับ เราไปดูโดราเอม่อน ไม่ได้ไปดูตัวประกอบเอม่อน 

 ...................
ด้านความซึ้งของเนื้อเรื่อง....
ครับ ก็ต้องยอมรับว่า ส่วนนึงที่ตัวหนังเองหยิบมาเป็นจุดขายเลยก็คือ 
ความซึ้งของเนื้อเรื่องที่ว่าด้วยการจากลาระหว่างโดราเอม่อน และโนบิตะ 

ซึ่งตรงนี้เออ....... ผมขอข้ามไปละกันครับ
ไม่ใช่ว่าหนังทำมาไม่ดี 
แต่เดิมทีผมเองก็เป็นชาวไทยใจหยาบกร่าน ซึ่งไม่ได้อะไรกับเนื้อหาอะไรราวๆ นี้อย่าแล้ว
ยิ่งบวกกับการที่เคยรู้เนื้อเรื่องมาทังหมดแล้ว ก็ยิงทำอะไรผมไม่เข้าไปใหญ่
ดังนั้นผมจึงนั่งดู ชิลตลอดเรื่อง ^ ^"....

............
ส่วนด้านอื่นๆ 
อืมม...อะไรดี..
ตอนดูผมดูเสียงยุ่น ก็เลยไม่มีคอมเม้นอะไรเรื่องเสียงไทย 
อ่อ! นึกออกละ  ตัวหนังมีซํบให้ครับ  แถมเป็นซับ 2 ภาษา....

ซึ่งบางช่วงบางตอนก็เกะกะเหมือนกันครับ 
และผมเข้าใจเอาเองว่า คนทำซับก็เป็นคนธรรมดา ที่ไม่ได้รู้จักโดราเอม่อนมากมายอะไร 
(ซึ่งก็ไม่แปลกครับ)

เพราะดูเหมือนซับจะอิงมาจากซับEngครับ ซึ่งตัวซับEngเองนั้น ก็อิงพื้นฐานของฝั่งตะวันตกอีกทีครับ 
อันจะเห็นได้จากชื่อตัวละครครับ 
เช่น ไจแอนด์ ในซัพEngจะใช้ชื่อ Big G 
และไจโกะ เป็น Litter G

ขณะที่ตัวซัพไทยนั้น จะเรียกชื่อตัวละครหลักๆ อย่าง โนบิตะ ชิซึกะ ตามเวอร์ชั่นญี่ปุ่นครับ
ทว่าตัวละครที่ไม่เป็นที่รุ้จักสำหรับคนทั่วไปอย่าง เซวาซิ 
ซัพไทยจะฟอโล่ตามซับEng โดยใช้ชื่อว่า โซบิ

และเรียกโดราเอม่อนว่า แมวน้ำ แทนที่จะเป็นทานุกิ
บลาๆๆๆ 

............
เอาเป็นว่าโดยรวม 
ภาคนี้เป็นโดราเอม่อนที่สนุกเหมือนเคยครับ
ดูเพลินดี และดูได้ทุกเพศทุกวัย
และก็เป็นการเอาตอนธรรมดาที่ไม่ใช่ตอนพิเศษมาขึ้นจอ ซึ่งไม่ค่อยเห็นได้บ่อยนัก

ดูแล้วก็ชวนให้คิดครับ ว่าจะมีเอาเอาโมเดลชุดนี้มาทำมูวีอื่นต่อรึเปล่า 

...................................

หลังจากออกจากโรงผมก็ไม่รอช้า เดินชนที่ขายตัว สอยตั๋วเรื่องต่อไปทันทีครับ 






                                      Seventh Son 7วันปั่นลูกชาย

 เรื่องราวของอัศวินเฒ่าเกเกอร์รี่ ที่ผนึกราชินีแม่มดไว้ในภูเขา
เวลาผ่านไปเมื่อคืนพระจันทร์แดงย้อนกลับมา ราชินีแม่มดจึงหลุดออกมาได้ 
ทำไห้เกเกอร์รี่ต้องออกเดินทางไปกำจัดราชินีแม่่มดตนนี้อีกครั้ง.........

 แล้วถ้าว่าทำไมตอนจับได้ครั้งแรกถึงไม่ฆ่า แค่ผนึกไว้? 
แหม.... ก็ตอนนั้นเค้ากิ๊กเก่ากัน เลยฆ่าไม่ลง XD



อืมม ถ้าจะให้ลงรายละเอียดอีกหน่อยก็มี องประกอบอีกเล็กน้อยครับ
อย่างเช่น เกเกอร์รี่ต้องไปหาลูกศิทย์ใหม่มาใช้งาน ซึ่งเป้าหมายก็คือ
ลูกชายคนที่เจ็ดของคนที่เจ็ด ที่มีความสามารถมองเห็นอนาคตได้เป้นบางครั้ง...เออ...3 ครั้ง
และมีผลกับเนื้อเรื่องครั้งนึง  

อะช่างมัน นั่นไม่ใช่ประเด็น
ยิ๊บย่อนอีกนิดก็คือ...เนื้อเรื่องสูตรสำเร็จครับ 
นางเอกเป็นลูกสาวแม่มดฝ่ายตรงข้าม 
ผิดใจกันปลายๆ เรื่อง เพราะถูกสั่ง(อย่างไม่เต็มใจ)ให้มาเอาของสำคัญไปจากพระเอก 
แล้วก็คืนดีกันตอนท้ายเรื่อง 





บรรยากาศตัวหนังโอเคครับผม เอ็ฟเฟ็คหรูหราดี ดููแล้ว กลับบ้านอยากเล่นสการรีม ไม่ก็วิชเชอร์ ต่อเลย

ด้านเรื้อเรื่อง.....
ก็....เออ..  บอสหลุด เดินทางปราบบอส.....
ครับ

สำหรับคนที่ยังไม่รุ้จักผมครับ ผมเป็นคนสไตล์ ดูหนังไม่ต้องใช้สมองครับ
ผมไ่ม่ใส่ใจอะไรมากกับ เหตุผล หรือความสมจริง ความ......บลาๆๆ 
กว่า70%ของหนังยอดเยี่ยมที่ได้รางวัลออสก้าห้าเหวอะไรนั่น คือหนังที่ผมดูแล้วหลับครับ

แต่ขอให้มีระเบิด มีบู้กันฟันโดน ผมก็โอเคละครับ 
ดังนั้นหนังที่ผมดูแล้วสนุกจึงเป้นหนังอย่าง ทรานฟรอมเมอร์ หรือ ต้มยำกุ้ง

โอเช กลับเข้าเรื่องของเรา
สำหรับฉากบู้เรื่องนี้.....ก็.....ต้องบอกเลยว่า เฉยๆ ครับ
คือไม่น่าเกลียด แต่ก็เป็นฉากบู้สไตล์ตะวันตกละครับ ตะเกียกตะกายก๊องแก๊ง ดูแล้วไม่รุ้สึกอะไรเท่าไหร่ เทียบกับฉากบู้ตะวันออก 

ด้านเอ็ฟเฟ็ก หรูหร้าใช้ได้ครับ ดูแล้วอินดี
ขุนพลของแม่มด ที่ดูแล้วหลุดออกมาจาก DotA ก็น่าสนใจไม่เลว
ดูแล้วมีจุดเด่นและดูแข็งแกร่งมากครับ ทว่า
 ทุกตัวมีจุดร่วมของจุดจบร่วมกันครับ คือ.....ไปแหย่มกะตัวเอก

ครับ อารมประมาณ ลุยมาแล้วทั้งกองทัพ ร้อยเอ็ด7ย่านน้ำ ผู้คนต่างหวาดกลัว
แต่พอเจอตัวเอก.... โอ๊ะ...... แป้แย้ว แย่จัง มุ๊งมิ๊งๆ 

และ ที่สำคัญที่สุุด ถ้าท่านดูคลิ๊บเทลเลอร์ 3 ตัวที่ผมแปะไว้ด้านบน
ต้องขอแสดงความยินดีด้วยครับ 

ท่านได้ดูฉากหรุหราอลังการของทั้งเรื่อง ..... ครบหมดแล้วครับ 
ครับ นั่นแหล่ะครับ ทังเรื่องยัดลงเทลเลอร์มาหมดแล้ว 

เฮ~......จบดีกว่า 
เอาเป็นว่า ถ้าว่างๆ ไม่รู้จะดูอะไร ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ดูเพลินๆ ~

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น