วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สปอยแน่นอน กับ aoki hagane no arpeggio ars nova cadenza~



ก็ อย่างที่บอกไปในหน้าเพจหลักครับ ว่าส่วนนี้จะเป้นสปอยเนื้อหาทั้งหมดของหนัง
aoki hagane no arpeggio ars nova cadenza
สงครามเรือรบสยบโลก ภาพหนังโรงที่เพิ่งเข้าโรงกันสดๆ เมือต้นเดือนนี้ครับ
.
แต่ถ้าใครบังเอิญเหยียบเข้ามาแถวนี้ แล้วบอกว่า อยากได้รีวิวอย่างเดียว ไม่อยากได้สปอย
ก็วกกลับไปอ่านได้ครับ ที่
.
https://www.facebook.com/tstell/
.

เนื่องจากผมไปดูแค่รอบเดียวเมื่อวันที่10ที่ผ่านมาครับ ก็เลยอาจมีหลุดมีพลาดมีจำผิดไปบ้างเล็กน้อย ก็...เอาน่า
ถือซะว่าเป็น หลักสูตรเร่งรัดสำหรับคนที่อยากรู้เนื้อเรื่องเร็วๆ ก็แล้วกันครับ ถ้าอยากเก็บรายละเอียดทุกเม็ดก็
เอาไว้ตอนลงแผ่นก็แล้วกันครับ ^^"
.
ไล่กันตั้งแต่ซื้อตั๋วเลยครับ พอดีตอนไปดู ผมใจลอย นั่งรถไฟวนผิดทางเล็กน้อย
(ยามาโนะเทะไลน์ที่จะวิ่งเป็นวงกลมครับ) เลยไปถึงช้ากว่า เวลาฉายเล็กน้อยครับ
แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเรามีสิ่งที่เรียกว่าหนังตัวอย่าง มาคอยถ่วงเวลาให้กับเราอยู่แล้ว
.
ตอนซื้อตั๋ว.... ก็ ต้องบอกว่าผมก็เพิ่งรุ้เหมือนกันครับ ว่าถ้าเรามาช้า ตอนกดซื้อตั๋วมันจะมีขึ้นเตือนด้วยว่า
"ตอนนี้หนังตัวอย่างกำลังฉายอยุ่นะ ถ้าเอารอบนี้อาจได้ดูไม่ครบนะ แน่ใจนะว่าจะเอารอบนี้?" อะไรประมาณนั้นครับ
ช่วงฉายหนังตัวอย่างก็... ราวๆครึ่งชม. น่าจะพอๆกับเมืองไทย.....เออ...รึเปล่า(?)
การดูการ์ตูนชนโรงที่ญี่ปุ่น มักจะมีภาพที่ค่อนข้างแปลกตาพอตัวครับสำหรับคนไทย
เพราะบ้านเราชอบมองว่า การ์ตูนเป็นเรื่องของเด็กๆ เพราะฉนั้น ถ้าฉายหนังการ์ตูน ในโรงมันต้องมีแต่เด็กๆ แน่ๆ
แน่ในประเทศที่การ์ตูนคือสื่อบรรเทิงชนิดหนึ่งที่เข้าถึงทุกเพศทุกวัย ผู้ชมก็จะมีหลากหลายมากกว่านั้นครับ
เช่นรอบนี้ที่ผมไปดู ตรงเก้าอี้หัวแถวเป็นสาวแว่นไซด์เทลหน้าตาน่ารักมาก
ที่นั่งข้างๆผม เป็นลุงผู้ชายน่าจะอายุราวๆ60ได้ มาดูคนเดียวครับ
ถัดไปด้านหน้า เป็นคุณป้าน่าจะอายุราวๆ50 มาดูกัน2คน
.
ถึงตรงนี้แสงไฟในโรงก็เริ่มหรี่ลง ผมจึงเลิกสนใจคนรอบข้าง แล้วก็เอนตัวลงมองจอตรงหน้าเพียงอย่างเดียว


.
ตัวเรือง
เปิดฉากมาที่ มุซาชิและยามาโตะ ที่กำลังไล่ยิงกัน ครับ
 มุซาชิควบคุมกองเรือหมอกทั้งหมดอยู่ในมือพร้อมกับเรืองแสงสีแดง ขณะที่ยามาโตะเรืองแสงสีน้ำเงินอยู่ลำเดียว
ทว่ากองเรือลูกจ๊อกทั้งหมดโดนยามาโตะสั่งปิดระบบรวดเดียวยกแผง  มุซาชิเลยกดอัลติ
เปิดแผงข้างเรือออก เป็นปืนใหญ่แรงดึงดูดเรียงกันเป็นแผง แล้วระดมยิงใส่ยามาโตะ ถล่มด้วยทุกอย่างที่มี
.
ยามาโตะกดอัลติสวน ปล่อยวงแหวนมิราริ่งซิสเท็มออกมาสร้างหลุมมิติ ดูดการโจมตีทุกอย่างเข้าไป
(ถ้านึกไม่ออกให้กลับไปดูมูวี่เก่าครับ เป็นแบบเดียวกับที่ติดอยู่กับฮิเอย์ แต่ฮิเอย์มีแค่2หลุม ขณะที่ยามาโตะ มีเพียบ)



เดิมทียามาโตะเองไม่ได้อยากสู้กับมุซาชิอยุ่แล้ว เลยไม่ตอบโต้ ได้แต่ป้องกันตัวเอง
มิซาชิเลยพุ่งเข้าชาร์ตพร้อมเปิดดาบเลเซอร์ที่หัวเรือ พุ่งแทงยามาโตะเข้าทะลุกลางลำ แล้วกดปืนทุกกระบอกระยะเผาขน
ส่งผลให้ยามาโตะกลายเป็นซากลงไปนอนกับปลาอยู่ใต้ทะเลครับ
ตัวเมทัลโมเดลของยามาโตะเองก็ค่อยๆ จมหายไปในเงามืดของท้องทะเล แต่ยามาโตะเองไม่ต้องการให้จบลงแบบนี้
 ผนวกกับระหว่างนั้นมีเรือดำน้ำ3ลำ กำลังวนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆพอดี ยามาโตะเลยสร้างวงเวทย์.....เออ....

.
เรียกวงเวทย์ดีมะ?
มันเป็นไอ้วงๆ ที่อยู่รอบๆตัวพวกสาวๆเวลาควบคุมเรือกันน่ะครับ ผมจำไม่ได้ว่ามันมีชื่อเรียกของมันไม๊ เอาเป็นว่า เรียกแถๆว่า
วงเวทย์ไปก่อนแล้วกันครับ เข้าใจง่ายดี
.
ยามาโตะสร้างวงเวทย์ล๊อค หนึ่งในเรือดำน้ำสามลำที่เฉียดเข้ามาใกล้ไว้ แล้วภาพก็ค่อยๆมืดไป
.
ตรงนี้หนังยังไม่ได้บอกครับว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เชื่อว่า แค่5นาทีแรก คนดูก็เข้าใจปมที่ซ้อนไว้เกือบหมดแล้วล่ะครับ


.
ตัดกลับมาที่ยุคปัจจุบันครับ

พ่อของจิฮายะกุนโซปรากฎตัวในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองเรือหมอก พร้อมกับมุซาชิ และยื่นคำขาดให้มนุษย์ยอมยกธงขาวภายใน
1อาทิตย์ เพราะมนุษย์เป็นเหมือนเชื้อโรค เป็นเนื้อร้ายที่เกาะกินโลกนี้ เพราะฉนั้นจงทิ้งอาวุธแล้วยอมอยู่
ภายใต้การควบคุมของเราซะดีๆ
โดยถ้าถึงเวลาแล้วยังไม่ให้คำตอบก็จะเปิดฉากถล่มทันที


.
ฝั่งกุนโซ ก็ยังยึดแผนการเดิม คือจะมุ่งสู่ทะเลอาร์คติกเข้าไปเจรจากับยามาโตะ
แต่สภาพเรือตอนนี้ง่อยมาก ยังไงก็ต้องทำอะไรซักอย่างก่อน เลยถามไปยังฮิวกะตรงๆ
ฮิวกะเลยใจอ่อน ยอมบอกว่า มีแหล่งนาโนแมทฯ ที่เป็นไพ่ตายของไพ่ตายแหล่งสุดท้ายที่ซ่อนไว้
แถวเกาะokino tori ถ้าจากเอาที่นี่ไปใช้หมด ก็คือหมดจริงๆ แล้วนะ ไม่เหลืออะไรแล้ว
พวกกุนโซจึงฝากฝังงานอย่างหนึ่งให้ทาคาโอะไว้ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่okino tori
.
กล้องตัดไปยังสภาพนักเรียกกองเรือหมอก
พวกเมียวโคเห็นอิเอย์ท่าทางเนือยๆ เลยมีการพูดถึงอาคาชิเล็กน้อย ว่าจะให้อาคาชิมาดูอาการให้ไม๊?
หลังเลิกประชุม ฮิเอย์ที่ยังดูสับสน เข้าไปคุยกับมุซาชิ พอโดนมุซาชิกอดสูบลูบคลำเล็กน้อย
ฮิเอย์ก็กลับมามีความมั่นใจเหมือนเดิม
.
กลับมาที่พวกกุนโซ ระหว่างทางก็ถูกอะชิการะกับนาจิไล่ตามจนเจอ และเปิดศึกกันแบบที่ไม่เคยมีในตำรามาก่อน
เพราะคราวนี้ เรือลาดตระเวณหนัก(จูจุนโยคัง)อย่างอะชิการะได้โดดตีลังกากลับหลัง ดำลงน้ำลงมาลุยกับอิโอน่าเองถึงที่
 โดยมีนาจิคอยซับอยู่ข้างหลัง



นาจิมีความมั่นใจในระบบเรด้าของตัวเองมาก ทำหน้าที่คอยชี้เป้าให้อะชิการะ ขณะที่อะชิการะก็ไล่ต้อนอิโอน่า
แบบไม่ปล่อยให้ตั้งตัว
.


อะชิการะงัดอาวุธประหลาด เป็นปืนฉมวกมาไล่ยิง พวกลูกเรือ401ก็เกิดสงสัยว่า ทำไมต้องทำขนาดนี้?
ถ้ารู้ว่าพวกตัวเองอยู่ที่ใหน ทำไมไม่เอาปืนใหญ่แรงดึงดูดยิงใกลใส่เลย
อิโอน่าเลยอธิบายว่า น่าจะเกิดจากการถอดปืนออก แล้วใส่อาวุธอย่างอื่นเข้ามาแทน เพราะพวกเรือจูจุนฯ สล๊อทน้อย
ถ้าติดอะไรมาก็ต้องถอดปืนแรงดึงดูดทิ้งไป
 อะชิการะเป็นปืนฉมวก ขณะที่ของนาจิ ติดระบบโซน่าขนาดใหญ่เข้ามาแทน
.
ระหว่างนี้เอง กุนโซก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เลยสั่งให้สแกนพื้นทะเล แล้วก็โดนฉมวกของอะชิการะเจาะเข้าที่บูทเตอร์ท้าย
เข้าจนได้ แต่เพื่อไม่ให้โดนอะชิการะลากไป เลยต้องยอมปลดบูทเตอร์ท้ายทิ้งไปตัวนึง
พอได้ข้อมูลสแกนพื้นทะเลมาแล้ว กุนโซก็สั่งให้กลับลำพุ่งตรงผ่านอะชิการะไปหานาจิทันที อะชิการะเองก็ไม่ยอมให้ผ่านไปง่ายๆ
ระดมยิงด้วยทุกอย่างที่มี พร้อมทั้งปืนฉมวกที่มี
อิโอน่าหักหลบฉุกเฉินพร้อมกับเปิดฟลูบูส พุ่งสวนไป ฉมวกของอะชิการะพุ่งลงปักพื้นทะเล
อะชิการะรีบดึงฉมวกกลับมา เพื่อจะยิงใหม่อีกครั้ง แต่ทันทีที่ดึงฉมวกขึ้นมาจากพื้น ดูเหมือนว่าจะมีอะไรติดตามมาด้วย
.
ฟองสีขาวและแรงดันมหาศาลผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดิน ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่กุนโซเล็งไว้
เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้โซน่าของนาจิใช้การไม่ได้ทันที อะชิการะเองก็ถูกฟองดันกลับขึ้นมาบนผิวน้ำ
ตีลังกา ตัวเรือพลิกไปฟาดกับนาจิ หมดสภาพไม่สามารถต่อสู้ได้ นอนแมวกลับบ้านกันทั้งคู่
.
ในที่สุดพวกกุนโซก็หลุดมาถึงเกาะokino toriได้ ที่นี่มีซากเรือที่ไม่ได้ระบุชื่อจมอยู่
ใครเป็นแฟนพันธ์แท้ก็ลองเดาๆ กันดูแล้วกันครับ ว่าน่าจะเป็นซากของอะไร อยู่แถวๆเกาะนี้
อิโอน่า ดูดนาโนแมทฯจากซากเรือที่ว่า จนร่างกายฟื้นตัว แต่ตอนนี้เรายังขาดอาวุธ
กุนโซจึงตัดสินใจเทียบท่าเพื่อเติมสเบียง
.



ตัดกลับไปที่ทางทาคาโอะ เมื่อตอนต้นเรื่องกุนโซได้ฝากให้ทาคาโอะทำอะไรบางอย่าง
ด้วยเหตุนั้นเอง ทาคาโอะจึงได้แฝงตัวเข้ามาในโรงเรียนที่กุนโซเคยเรียน หาข้อมูลของใครบางคน
ซึ่งเป็นคนรู้จักของกุนโซและปัจจุบันก็มีตำแหน่งอยู่ในกองทัพ
ชายคนนั้นถูกทาคาโอะเรียกตัวออกมา หลังจากพูดคุยกัน ซักพัก ทาคาโอะส่งรหัสปลดล๊อคขีปนาวุธต่อต้านเรื่อหมอกที่พัฒนามาจากมิสไซด์กร่อนอนุภาค
ให้กับชายคนนั้น โดยมีข้อแม้ว่า ให้ใช้ในวินาทีสุดท้ายของสุดท้ายจริงๆ เพราะพวกกุนโซก็กำลังแก้ปัญหาอยู่เหมือนกัน
เมื่อตกลงกันด้วยดี สัญญาณเตือนภัยผู้บุกรุกก็ดังขึ้น แต่ตอนนี้ทาคาโอะไม่มีเรือ แล้วเป็นใครกัน ที่บุกเข้ามา
เรือขนาดใหญ่ผุดจากน้ำโผล่มาตรงหน้าทั้งสอง ทว่านั่นไม่ใช่เรือของใคร เป็นเรือของทาคาโอะเอง ซึ่งมีฮิวกะขับมา



ทาคาโอะก็ถามฮิวกะว่า แล้วเอาแมทฯที่ใหนมาซ่อมเรือ
คำตอบก็คือ เอาแมทฯที่สร้างเกาะนั่นแหล่ะมาทำเรือ ดังนั้นตอนนี้ ฐานให้กลับก็ไม่มีแล้วนะ หมดทุกอย่างจริงๆ แล้ว
.
ระหว่างเทียบท่าเติมสเบียงนี่เอง เพื่อนๆก็เห็นว่า กุนโซเองยังเดินงงๆดูกึ่มๆกับชีวิต อาจเป็นเพราะยังคิดมากเรื่องที่
พ่อตัวเองเป็นผู้นำกองเรือหมอกอยู่ เพื่อนๆเลยถีบหัวส่ง ใช้ให้กุนโซไปซื้อของในเมืองพร้อมพ่วงเดทกับอิโอน่า
ไปในตัว
.
ในเมือง อิโอน่าเดินผ่านร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ อิโอน่าเลยสนใจจี้อันนึงมาก
มากขนาดที่นั่งเกาะตู้โชว์ไม่ยอมเดินตามกุนโซเลยทีเดียว..... กุนโซถาม อยากได้เรอะ?
อีน้องก็ส่ายหน้า เปล่า ไม่เห็นอยากได้เลย  .......แต่กูเกาะตู้ไม่ปล่อย.......
กุนโซเลยต้องยอมควักเนื้อมาซื้อให้
.
เดินกันมาซักพัก กุนโซจะเข้าไปซื้อของในร้านอีกร้านนึง คราวนี้อิโอน่านั่งรออยู่หน้าร้าน
 แต่ระหว่างที่นั่งรอนั้น อิโอน่าเหมือนได้ยินใครเรียก พอหันไปก็เจอมุซาชิยืนอยู่ที่ปลายถนนบนเนิน
อิโอน่าวิ่งตามไปถึงหน้าโบสท์แห่งหนึ่ง ก็ไม่เจอใครอยู่แถวนั้นแล้ว
มองซ้าย..... มองขวา..... ไม่เจอใคร พอกำลังจะหันกลับ มุซาชิก็โผล่มาเอาหน้าจ่อหน้าอิโอน่าในระยะเผาขน
ประหนึ่งหนังผีจูออน
.
มุซาชิเริ่มบ่นให้อิโอน่าฟังไปเรื่อยตามประสาตัวร้ายมาตรฐาน ซึ่งอิโอน่าก็ไม่เข้าใจเลยจึงถามกลับ
มุซาชิก็บอกให้หุบปาก ฉันไม่ได้พูดกับหล่อน ฉันพูดกับยามาโตะ ตะหาก.....อ่อ นี่เธอยังไม่รู้ตัวสินะ?
มุซาชิพูดพลางล้วงพุงไปจับคอร์ของอิโอน่า แล้วภาพทุกอย่างก็ค่อยๆ ไหลขึ้นมา


.
นานแสนนานมีแล้ว ตั้งแต่ตอนสงครามยังไม่เกิด พ่อของกุนโซเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ทำการเฟิสร์คอนแทคกับเรือหมอก
ที่ตอนนั้นมียามาโตะเป็นผู้นำสูงสุด ความสัมพันธ์ ระหว่าง คุณพ่อ ยามาโตะ และมุซาชิเป็นไปด้วยดีครับ เหมือนพ่อลูก(เอ....หรือจะพ่อแม่ลูกดี?)
มนุษย์และหมอก มีแนวโน้มที่จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทว่า ด้วยความขัดแย้งภายในระหว่างคนด้วยกัน
พ่อของกุนโซถูกลูกน้องตัวเองยิงตายต่อหน้ายามาโตะ
.
ยามาโตะยังเชื่อในตัวมนุษย์อยู่ แต่มุซาชิฟิลด์ขาดประกาศสงครามกับมนุษย์ทันที
พอยามาโตะไม่เอาด้วย ก็เลยเปิดศึกกับยามาโตะดังที่ได้ท้าวความไปในตอนต้นเรื่อง
.
เหตุผลที่มุซาชิยังสนใจยามาโตะอยู่ก็คือ อยากให้ยามาโตะกลับมาอีกครั้ง
แล้วเธอจะได้ฆ่ายามาโตะอีกที เพราะยังไม่หายแค้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น
.
ซึ่งตอนที่เมนทัลโมเดลของยามาโตะกำลังจมนั่นเอง ยามาโตะได้จับ1ในเรือดำน้ำที่วนอยู่ใกล้ๆได้
เรือลำนั้นก็คือ 401นั่นเอง
ยามาโตะ ไม่ได้เขียนตัวเองทับลงไป แต่แค่รีโปรแกรม401ใหม่ อัพโหลดชุดคำสั่งของตัวเองให้401ไป
และแบ็คอัพความทรงจำของตัวเองทั้งหมดให้401ไปแล้วเข้ารหัสเอาไว้
และสั่งให้401ไปหากุนโซ (แล้วก็ไปเชื่อมกับตอน1)
.
ในตอนนั้นเอง ประกายแสงสีน้ำเงินที่ตัวเรือของอิโอน่า ก็หายไป
กุนโซที่ไล่ตามหาอิโอน่า ก็ตามมาจนเจออิโอน่าหมดสติล้มอยู่ที่หน้าโบสท์คนเดียว
.
ที่ห้องพักภายใน401 อิโอน่ารู้สึกตัวได้สติกลับมาอีกครั้งโดยมีกุนโซนั่งดูอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วง
กุนโซถามว่าเกิดอะไรขึ้น อิโอน่ากำลังจะเอ่ยปากเล่าให้ฟังแต่ก็ชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะบอกเพียง
แค่ว่าได้เจอกับมุซาชิ แล้วก็จำอะไรไม่ได้เลย
โดยไม่ยอมบอกเรืองทั้งหมดให้ฟัง เพราะอิโอน่าเริ่มสับสน ว่าตกลงแล้วตอนนี้ตัวเองเป็นใครกันแน่
เป็น401หรือว่ายามาโตะ แล้วท่าปลดลํอคความทรงจำของยามาโตะทั้งหมดที่อยู่ในตัง แล้วตัวเองล่ะ
จะเกิดอะไรขึ้น จะหายไปรึเปล่า ถ้าหายไปแล้วจะทำยังไง กุนโซจะว่ายังไง บลาๆๆ
.
ทว่า ตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่กว่านั้นครับ
ประกายแสงสีน้ำเงินบนตัวเรือของ401ที่หายไป ไม่ได้หายไปเท่ๆเฉยๆ
แต่มันบ่งบอกว่า ตอนนี้อิโอน่าไม่สามารถคอนโทลเรือได้เหมือนเดิมครับ
ดังนั้นตอนนี้ 401จึงปฏิบัติการได้ด้วยแรงงานลูกเรื่อล้วนๆครับ กำหนดเป้าหมายเอง เล็งเอง
ยิงเอง หาพิกัดเอง ฯลฯ ประหนึ่งเรือดำน้ำธรรมดาทั่วไป บาเรียเอย ปืนใหญ่แรงดึงดูดเอย
 ฟังชั่นหลุดโลกทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงครับ เดี้ยงหมด ใช้อะไรไม่ได้เลย
แล้วจะให้ไปหาดวลกับมุซาชิในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?
.
กุนโซติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังฮารุนะกับคิริชิม่า
แต่ตอนนี้ ฮารุนะมีมาคิเอะอยู่ด้วย จึงไม่อยากพามาคิเอะไปพัวพันกับสงครามจึงไม่อาจ
มาช่วยได้ ซึ่งกุนโซก็เข้าใจ และไม่ได้ว่าอะไร
ทุกคนเริ่มใจไม่ดี เอาเรือสภาพแบบนี้ไปลุยกับเรือหมอกระดับมุซาชินี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ
ตัวเลือกในมือตอนนี้ก็คือ
1.ถอยแล้วปล่อยให้พวกกองทัพฟัดกับเรือหมอกกันไป
หรือ
2.ลุยต่อทั้งแบบนี้ตามกำหนดการเดิม
.
ด้วยมิตรภาพที่มีระหว่างกุนโซและเพื่อนๆลูกเรือ
ทุกคนจึงโยนขี่ให้กุนโซเป็นคนเลือกทันที และคำตอบก็คือ ลุยต่อทั้งแบบนั้นครับ
พระเอกซะอย่าง เดี่ยวมันต้องมีอะไรโผล่มาช่วยเองแหล่ะ
(ฮั่นแน่  ถึงตรงนี้ เดากันออกยันฉากจบแล้วล่ะสิ)



.
เข้าสู่น่านน้ำศึกสุดท้าย....
ในเมือหมอกรุ้แล้วว่าเป้าหมายของกุนโซคือ ยามาโตะ
สภานักเรียนหมอก จึงแห่กันมาดักรอกันตั้งแต่หัววัน แถมยังมีกองเรือเคย์จุนอีกสิบกว่าลำ
มาปูพรมโซน่า
แม้ว่าระบบเหนือมนุษย์ทั้งหมดบน401จะใช้การไม่ได้
 แต่กุนโซก็ยังใช้ความเก๋า วางแผนไหลเรือตามร่องน้ำ ทำให้แม้แต่นาจิที่ติดซุปเปอร์โซน่ามา
ก็หาไม่เจอ  ในวินาทีสุดท้ายที่ทุกคนกำลังจะหนีพ้น ระยะตรวจการ
อะไรบางอย่างก็ลอยมาชนกับตัวเรือ ดังแก๊ง~ นาจิจึงจับตำแหน่งของ401ได้ทันที
.
จรวดจากเคย์จุนนับ10ลำทะยานขึ้นฟ้า พุ่งตรงลงมาที่401ทันที
401ที่ไร้เกราะ โดนเข้าไปลูกสองลูกก็กลายเป็นอดีตลงไปนอนกับปลาได้
เดชะบุญที่เพิ่งไปเติมสเบียงมา อาวุธทุกอย่างที่ยังพอควบคุมได้ ถูกปล่อยออกมาแบบหมดหน้าตัก
ทั้งจรวดต่อต้าน ทั้งดีคอย แต่สถานการณ์ก็ดูไม่สู้จะดีเท่าไหร่
 เมื่อไม่มี อีโอน่าคอยซัพพอร์ท 401ค่อยๆโดนต้อนเข้าวงล้อมโดยไม่รู้ตัว แถมอะชิการะเองก็ออกหน้ามา
เพื่อหวังล้างอายเมื่อตอนต้นเรื่อง
.
เมื่อรู้ตัวก็สายไปแล้ว 401ถูกล้อมจากรอบด้าน โดยไม่มีทางตอบโต้ได้ การโจมตีครั้งต่อไป ไม่ว่ายังไงก็หลบไม่พ้น
แน่นอน
ฮิเอย์กับนาจิ จ้องมองเรด้าด้วยสายตาเย็นชาจากแนวหลัง แผนที่จากมุมสูงบ่งบอกว่า ไม่ว่าอย่างไร401ก็ไม่มีทาง
รอดจากการโจมตีครั้งนี้ไปได้
ทว่า กลับมีเส้นตรงปริศนาพุ่งมาจากนอกระยะเรด้า กวาดเอาเคย์จุนหายไปส่วนนึง
.


ปืนใหญ่แรงดึงดูดของฮารุนะนั่นเอง
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะบอกว่าไม่อยากให้มากิเอะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงคราม แต่เพื่อนกันไม่มีวันทิ้งกันหรอก!
มากิเอะ คิริชิม่าและเรือของฮารุนะ เข้าร่วมสนามรบ
อะชิการะเห็นดังนั้นจึงพุ่งเข้าชาร์ตฮารุนะทันที แต่ก็ถูกยิงสะกัดจากอีกฝาก



ทาคาโอะกับฮิวกะตามมาสมทบทันพอดี
ฮากุโร่ที่อยู่ในระยะกลาง จึงพุ่งขั้นหน้าตามมาสมทบอะชิการะ
ฮารุนะใช้จังหวะวิ่งสวนกันเตรียมจะเปิดฉากระดมยิงใส่ฮากุโร่
แต่ฮากุโร่ ตีลังกากลับหลัง ครับ...ถอดความตามตัวอักษรนั่นแหล่ะครับ
เรือฮากุโร่ทังลำตีลังกากลับหลังแล้วมาตั้งลำใหม่ยิงสู้กับฮารุนะ ก่อนจะโชว์ลูกเล่นของตัวเอง
ดังที่บอกไว้ข้างต้นครับ เรือจูจุนจำเป็นต้องถอดปืนใหญ่แรงดึงดูดออกเพื่อติดลูกเล่นอื่น



ของฮากุโร่เป็นบูสเตอร์แรงดันสูง คล้ายๆกับที่401ชอบใช้เวลาเร่งหนีชาวบ้านครับ


.
ส่วนเมียวโคเป็น ซูปเปอร์ลองเรนช์แคนน่อนครับ
ทรานฟรอมปืนทุกกระบอกทั่วลำเรือไปประกอบเป็นปืนยาว2กระบอกข้างเรือ ใช้ยิงจากนอกระยะสุดๆ
โดยใช้การชี้เป้าจากนาจิ
.
กล่าวถึงฝั่งอะชิการะที่กำลังนัวกับทาคาโอะ ก็มีของเล่นใหม่เป็นดาบข้างเรือเพิ่มมาอีก2เล่มครับ
กลายเป็นเรือระยะประชิดสมบูรณ์แบบ แถมยังมีการยิงสนับสนุนจากเมียวโคอีก
ทาคาโอะจึงบอกให้ฮิวกะงัดปืนใหญ่แรงดึงดูดมายิงสวน แต่ฮิวกะบอกว่า ติดอาวุธใหม่ที่เหมาะกับทาคาโอะ
มาให้แล้ว
.
ก่อนจะเริ่มทรานฟรอม.. วิ๊ดดดดด วี๊ดดดด แกร๊กๆๆๆๆๆ
ทะด๊านนนน~
สว่านคู่ข้างลำเรือครับ~
ทำเอาทาคาโอะกรี๊ดไม่เป็นเสียง ไอ้สว่านนี่มันอะไรกัน แล้วปืนแรงดึงดูดของฉันล่ะ?
ฮิวกะเลยตัดบทไปสั้นๆว่า ก็เอานาโนแมทฯจากเกาะมาสร้าง ได้ลำเรือมานี่ก็บุญแล้ว จะให้เอาที่ใหนมาสร้างปืน
สถานการณ์บีบบังคับ ทาคาโอะเลยต้องตามน้ำดวลสว่านกับอะชิการะทั้งแบบนั้น
.
ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเราเอง พวกนายไปต่อเลย นายมีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทำ!!
.....ก็ไม่ได้พูดแบบนั้นหรอกครับ แต่
อารมณ์มันประมาณนั้นครับ พวกกุนโซปล่อยฮารุนะกับทาคาโอะบู้ไป ส่วนตัวเองก็ตรงดิ่งไปหายามาโตะต่อ
แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นครับ
.
ฮิเอย์ยังยืนรออยู่เป็นกำแพงด่านสุดท้ายครับ
แล้วหล่อนไม่ใช่จูจุนครึ่งๆ กลางๆ เหมือนพวกอะชิการะด้วย
แต่เป็นเรือประจันบานตัวจริงเสียงจริงครับ (แถมยังเป็น โคโซคุเซนคัน ซะด้วย)
รับประกันว่าอาวุธทั่วตัว และแน่นอนว่ามีปืนใหญ่แรงดึงดูดติดตั้งอยุ่ด้วย
.
และในเวลาที่ความหวังดับสิ้น.........
ครับ เดาออกกันใช่ไม๊ล่ะครับ?



หม่อมแม่คองโกปรากฎกายครับ แล้วไม่ได้มาเป็๋นเดทสตาร์แล้วด้วย คราวนี้มาแบบเป็นเรือรบสมบุรณ์แบบครับ
.
ดูไม่ได้เลยนะ 401นี่น่ะรึ เรือที่เคยสยบฉันลงได้
จนกว่าฉันจะได้ล้างอายครั้งนั้น เธอห้ามโดนใครจมตามใจชอบเป็นอันขาด
.......(ไอ้ประโยคแบบนี้เหมือนเคยได้ยินที่ใหนมาก่อนเนอะ)
.
ดูเหมือนอิโอน่าจะเปิดใจให้คองโกเป็นพิเศษ ถึงได้ปรึกษากับคองโก ว่าจะทำยังไงดี
ที่ตัวเองเป็นตัวแทนของยามาโตะ ถ้าปลดล๊อคความทรงจำของยามาโตะออกมาแล้วตัวเองจะเป็นยังไงต่อไป
อิโอน่ากลัวว่าตัวเองจะไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป และกลัวว่าตัวเองจะหายไป
.
คองโกเลยสวนว่า บ้ารึเปล่าตราบใดที่ฉันยังจำเธอได้ เธอจะหายไปได้ยังไง
เธอจะอยู่ภายในใจฉันตลอดไป เหมือนตอนที่เธอไม่ลืมฉันยังไงล่ะ
(....เอ๋....เดี๋ยวสิป้า ผมว่าตรรกระมันแปลกๆ อยู่นะ..... เอ... หรือผมจะจำผิดเอง ดูรอบเดียวมาตั้งแต่เดือนก่อน จะหลุดรายละ
เอียดไปก็ไม่แปลกเนอะครับ เอาเป็นว่า ถ้าอยากชัวร์ ก็รอคอนเฟิร์มตอนลงแผ่นแล้วกันครับ ^ ^")


....
เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อิโอน่าได้สติมาจากคำพูดของหม่อมแม่ครับ
เมื่อสติสตังกลับมา ระบบต่างๆของ401ก็กลับมาออนไลน์อีกครั้ง
จึงเริ่มเดินเครื่องเปิดฟลูบูสเตรียมจะพุ่งฝ่าฮิเอย์ไป
.
เท้าความเล็กน้อย ทุกคนนึกภาพออกใช่ไม๊ครับ ว่าพวกเรือหมอกเวลาเวลาจะยิงปืนใหญ่แรงดึงดูดจะเปิด
ลำเรือออกมาเหมือนเรืออ้าปาก


.
นึกภาพนั้นค้างไว้ครับ ฮิเอย์พยายามจะเปิดปืนใหญ่มายิง แต่คองโกอ้ากว้างกว่า
แล้วงับฮิเอย์ไว้ทั้งอย่างงั้นครับปล่อยให้พวกอิโอน่าเข้าไปสู้ห้องลาสบอส
.
ตรงนี้
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกกุนโซก็คือ ผู้บัญชาการสูงสุดของกองเรือหมอก จิฮายะโชโซ พ่อของกุนโซ
และสุดยอดเรือประจันบาน มุซาชินั่นเอง
.
ขอต้อนรับสู่ช่วงเฉลยปมครับ....ซึ่งว่ากันตรงๆ ผมจำรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้แล้วล่ะครับ
เพราะฉนั้นตรงนี้รับประกันเลยว่า ตกไปหลายอยุ่แน่นอน
แต่401เปิดฉากยิงกับมุซาชิ พร้อมกับการพูดคุยกันในพื้นที่ส่วนตัวของ อิโอน่ากับมุซาชิ
มุซาชิยังโกรธยามาโตะอยู่ ต้องการให้ยามาโตะฟื้นกลับมาอีกครั้งเพื่อที่ตัวเองจะได้จมยามาโตะอีกครั้ง
ส่วนอิโอน่า ที่ปลดล๊อคความทรงจำของยามาโตะออกแล้ว ก็พยายามปลอบโยนมุซาชิ
บอกว่าเธอก็แค่รู้สึกเหงา งอแงเพราะคิดว่าตัวเองถูกคนสำคัญทอดทิ้ง(โชโซ ยามาโตะ)
.
เมื่อการรบด้วยปาก มุซาชิเริ่มโดนต้อนจนมุม จึงอาละวาดตัดการสื่อสาร และเปิดมิราริ่งซิสเท็มถล่มด้วยปืนใหญ่แรงดึงดูดทุกกระบอกที่มี
401โดนเข้าไปเต็มๆ
แต่อิโอน่าเองก็ ปลดล๊อคชุดคำสั่งของยามาโตะ ดึงเอาซากยามาโตะที่จมอยู่ขึ้นมารวมร่างกับตัวเอง กลายเป็น ยามาโตะ401
แล้วเปิดมิราริ่งซิสเท็มมั่ง ดูดกระสุนปืนแรงดึงดูดแข้าแบล๊คโฮลไปหมด
เมื่อมิราริ่งซิสเท็มของทั้งสองหักล้างกันเอง อาวุธที่เหลือจึงมีแค่ปืนหลัก ในระยะห่างกันไม่กี่เมตรแค่นี้ การต่อสู้จึงย้อนยุคไปเป็น
ยุคโจรสลัดแห่งคาริเบียน ขับวนยิงปืนข้างใส่กัน
.
แม้ว่าฝั่งยามาโตะ401จะมีกุนโซคอยควบคุมแผนการทำให้ดูเหมือนจะมีความเหนือกว่าในแง่ของยุทธการ
แต่ก็ไม่อาจต้านทางความเกรียวกราดของมุซาชิ ที่กำลังคลั่งได้
กุนโซจึงใช้วิธีสุดท้าย สั่งปลดมิราริ่งซิสเท็มทั้งหมด กระสุนแรงดึงดูดทั้งหมดของมุซาชิพุ่งเข้ามาหายามาโตะ401ในทิศทางเดียวกัน
ยามาโตะ401กางฟิลด์รับเต็มแรง ก่อนจะเปิดมิราริ่งซิสเท็มซ้ำอีกครั้ง ลากเอาตัวเองและกระสุนหายเข้าไปในหลุมมิติ
และเปิดอีกหลุมกลางอากาศหนือหัวมุซาชิ กระสุนแรงดึงดูดของมุซาชิ และยามาโตะ401ทั้งลำ ดิ่งตรงเข้าปะทะดาดฟ้าเรือของมุซาชิ
อย่างจัง ก่อนจะยิงปืนหลักทุกกระบอกซ้ำลงไป อีกที
มุซาชิกลายเป็นซากประการังเทียมไปไนทันที
.
จิฮายะ โชโซค่อยๆ สลายหายไปเป็นละอองแสง สร้างความแปลกใจให้กับกุนโซ
อิโอน่าเฉลยว่า ที่จริงแล้ว พ่อของกุนโซ ตายตั้งแต่ตอนที่โดนลูกเรือตัวเองยิงทิ้งตอนต้นเรื่องแล้ว
ส่วนโชโซที่อยู่กับมุซาชินั้นเป็นเพียงตุ๊กตาแก้เหงาของมุซาชิ ที่สร้างขึ้นมาจากนาโนแมทฯหลังจากที่ตัวจริงตายไปแล้ว เท่านั้น
.
ในที่สุดกุนโซก็ได้รุ้แล้วว่า พ่อตัวเองไม่ได้ทรยศมวลมนุษย์ชาติ
ทุกคนมองเมนทัลโมเดลของมุซาชิที่ค่อยๆจมหายไปในความมืดของท้องทะเลผ่านจอมอนิเตอร์
ลูกเรือยืนยันการแตกสลายของเมนทัลคอร์ของมุซาชิ
หมอกที่เรียกว่ามุซาชิ หายสาปศูนย์ไปจากโลกนี้แล้ว
....



อำนาจสั่งการสูงสุด ตกมาอยู่ในมือของยามาโตะ หรือตอนนี้ก็คือ อิโอน่า
อิโอน่าสั่งการถึงเรือหมอกทั่วโลก ให้ใช้ชีวิตเป็นอิสระและเลิกทำสงคราม
กองเรือหลักที่ล้อมฐานทัพเรือของมนุษย์ ก็ล่าถอยออกมา สงครามจบลงโดนไม่มีการเสียเลือดเนื้อใดๆ
.
พวกฮิเอย์เองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องสู้ต่อ ก็เลิกรากันไป
.
แต่เดี๋ยวสิ สภาพของยามาโตะ401ตอนนี้ก็ไม่ได้แต่ต่างจากมุซาชิซักเท่าไหร่ การทิ้งดิ่งมาพร้อมลูกปืนแบบนั้นทำให้ยามาโตะเอง
ก็อยู่ในสภาพหักกลางลำเหมือนกัน
แล้วอิโอน่าล่ะ?



กุนโซวิ่งออกมาหาอิโอน่าด้านนอกเรือ ที่นี่ อิโอน่าได้บอกลากุนโซเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหายไป...
บนเรือชูชีพ ลูกเรือของ401ทุกคน ทำได้แต่ยืนดูซากของ 401ที่เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ค่อยๆ สลายเป็นประกายแสงไปทีละน้อย
.
เครดิตขึ้น
ระหว่างเครดิต ก็เป็นภาพของตัวหลักแต่ละคน ว่าไปทำอะไรกันต่อหลังจากนั้น
.
ส่วนพวกตัวประกอบอื่นๆ หลังจาก สงครามสงบลง เรือหมอกแต่ละลำก็แยกย้ายกลับไปประเทศของตัวเอง
.
อาฟเตอร์เครดิต
กุนโซกลับมาเคารพสุสานของพ่อกับแม่อีกครั้ง หลังจากที่ได้ล้างมลทินให้กับชื่อของพ่อตัวเอง
แต่กุนโซก็ต้องแปลกใจ ที่สุสานมีจี้ที่กุนโซเคยซื้่อเป็นของขวัญให้กับอิโอน่าวางอยู่
.
สายลมอุ่นๆพัดมาจากด้านหลัง กุนโซหันหลังกลับมาหาคนดู ก่อนจะยิ้มแล้วบอกว่า "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน'
แล้วหนังก็ตัดจบลง~
........
ก็ .... ตามนั้นแหล่ะครับ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าครับ~
วันนี้ หลับฝันดี ราตรีสวัสดิครับ~

.....

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พาทัวร์ลูกเล่นใหม่ GE2RB - อินเตอร์เฟส Etc

กลับมาต่อกันอีกนิดครับ กับตัวเดโมของ GOD EATER 2 RAGE BURST (GE2RB)
ซึ่งเป็นภาคเสริมที่พ่วงภาคหลักมาด้วย
  แต่ แน่นอนครับว่าเมื่อเป็นของใหม่ ก็ต้องมีการปรับปรุงอะไรหลายๆ อย่างให้เป็นมิตรกับผู้เล่นมากขึ้น
  แล้ววันนี้ ผมจะพาไปลองเดินๆ ดูครับว่าในเวอร์ชั่นนี้ มีของเล่นใหม่อะไรเพิ่มมาบ้าง

อันดับแรกที่เป็นไฺฮไลท์นี่ตัวเกมโปรโมทมาตั้งแต่แรก ก็คือบลัดเรจ ซึ่งผมได้พูดไปแล้วเมื่อบทความที่แล้ว

อันดับถัดไปก็คือ ตัวเลขดาเมจ ครับ 




ผมอาจจะเล่นเกมมาน้อยไปเลยข้อนข้างแปลกตาเหมือนกัน กับระบบตัวเลขดาเมจบนเกมแนวนี้(คุ้นๆ ว่าก่อนหน้านี้มีอยู่ 2 เกม แต่ผมไม่ได้เล่นเลยจำไม่ได้ เหมือนจะเป็นRoรึเปล่าหว่าผมไม่แน่ใจ)
ซึ่งข้อนข้างมีผลกับเกมเพลย์มากครับ

อย่างน้อย ก็ทำให้เราเข้าใจได้ครับว่า เราโจมตีอะไรแบบใหนตอนใหน รุนแรงเพียงไร
ไม่ได้หลับหูหลับตาสาดส่งปลงสังเวชไปเรื่อยๆ จนกว่ามอนส์จะตายเหมือนของเดิม



ถัดไปครับคือ เราสามารถดูความสามารถของSkillได้จากหน้าจอสร้างอาวุธเลย



ซึ่งตรงนี้ถูกใจผมมาก เพราะจากประสบการณ์ตรงในการเล่นภาคหลัก
ของคนที่ขอบเอาไปนั่งเล่นบนรถ ไม่ได้เล่นหน้าคอมอย่างผม
เวลาจะสร้างอาวุธชิ้นใหม่ หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับSkillแต่ละที 
ผมต้องดูชื่อ Skillที่บางทีก็ไม่ค่อยสื่อเท่าไหร่
แล้วก็ออกไปดูรายละเอียดของSkillนั้นๆ ที่หน้าดาต้าเบส ว่าSkillนั้นมีผลอะไรบ้าง
ซึ่งยอมรับว่าเป็นจุดที่กวดในผมมากบนภาคหลัก

ทว่าในเวอร์ชั่นนี้ เราสามารถคอนเฟิร์มความสามารถของSkillที่เราอยากรู้ได้ทันที
ในหน้าจอสร้างไอเทมได้เลยครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปเปิดหาในหน้าดาต้าเบสอีก

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างนึงในหมวดSkillของเวอรืชั่นนี้ก็คือ Skillของอาวุธบางอัน
จะถูกรวบเป็นอันเดียวครับ

อย่างเช่นปืนที่ผมใช้ประจำในภาคหลัก จะมีSkill สามSkill
แต่ปืนกระบอกนี้ ถ้าเอามาดูในเวอร์ชั่นใหม่จะกลายเป็นว่ามี Skillใหม่ขึ้นมา Skillเดียวครับ
แต่จริงๆแล้วSkillใหม่อันเดียวที่ว่านั้น ก็เป็นการรวมเอาSkillเดิม3Skillเข้าไว้ด้วยกันนั่นเองครับ
ถามว่า ทำไปเพื่ออะไร?

ผมมองว่า มันมีเพื่อรองรับระบบใหม่ที่กับลังจะพูดถึงต่อไปครับ

นั่นก็คือ

ระบบ อินสตอลสกิล ครับ



ก็คือ
ในเวอร์ชั่นนี้ หลังจากจบฉาก เรามีโอกาสที่จะได้รับSkillสำหรับอาวุธที่เราใช้
ดรอปมาครับ ซึ่งเราสามารถเอามาติดตั้งให้กับอาวุธของเราใด้
โดยSkillที่ดรอปมา ผมเข้าใจว่าดรอปมาแบบสุ่มละครับ
จะได้ของดีของห่วย ก็แล้วแต่บุญทำกรรมแต่ง

แน่นอนครับว่า มีผลกับเกมเพลย์แน่นอนครับแต่จะมากน้อยขนาดใหน อันนี้ก็คงต้อง
รอดูเวอร์ชั่นเต็มต่อไปครับ


จัดอาวุธกันแล้ว ต่อไปเราก็มาจัดตัวละครกันต่อครับ
ในภาคหลักสำหรับคนที่เล่นคนเดียว ก็แต่ตอนครับว่าจะต้องพาNPCลงสนามไปด้วย

ประโยชน์ที่ได้จากNPCก็ แน่นอนครับ มีตัวหารดาเมจเพิ่ม ช่วยกันแบ่งๆโปรตีนจากมอนส์เตอร์กันไป
ถัดมาที่ผมเห็นประโชน์ก็คือ คาน่อนจัง จะฮิลเสมอเมื่อHpเราลดถึงระดับที่กำหนด
ส่วนชิเอลจังก็จะคอยบอกHpของมอนส์เตอร์ให้ผมรู้
แล้วก็ NPC ทั้ง3นั่นพร้อมจะส่งกระสุนให้เราคนเดียวเสมอ

ทว่าในทางกลับกัน ผมไม่แน่ใจว่าคนอื่นเป็นแบบผมรึเปล่า
แต่ผมไม่เคยคาดหวังความสามารถด้านการรบจากNPCในทีมเลย

ทว่าในเวอร์ชั่นใหม่นี้
เราสามารถจัดอบิลิตี้ให้กับNPCในทีมของเราได้ด้วยครับ
ด้วยฟังชั่น เพอร์สนอลอบิลิตี้

ในส่วนนี้เราสามารถติดตั้งตวามสามารถต่างๆนานาให้กับลูกทีมของเราครับ
ซึ่งในหัวข้อนี้ผมไม่แน่ใจว่า ตัวเกมจริง ในส่วนของอบิลิตี้ที่เราเลือกได้ จะมีการเปลี่ยนแปลง
อะไรรึเปล่า เพราะอบิลิตี้ทึ่เราเลือกได้ในเดโมนี้ ข้อนข้างโลกสวยเลยทีเดียวครับ

เพราะเราสามารถทำให้ตัวละครหนึ่งตัวโจมตีพร้อมพ่วงสถานะผิดปรกติทุกชนิดใด้
แล้วทำถ้าซ้ำกับทุกตัวละคร เวลาลงสนาม สู้ๆกันไปซักพักมอนติดพิษ  ติดโฮล ติดวีค
หลั่นล๋าปาทังก้าอย่างแรงครับ

นอกจากอบิลิตี้แล้ว ตรงนี้เราสามารถเลือกชุดใหัตัวละครได้ด้วยครับ
นอกจากนั้นก็มีทั้งอาวุธ ทั้งบลัดอาร์ต แต่ในเดโมนี้ยังเปลี่ยนไม่ได้ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าตัวเต็มจะเปลี่ยนได้หรือไม่ครับ


เมื่อจัดSkillอะไรเรียบร้อยแล้ว
ต่อไปก็เตรียมลงสนามกันครับ
และตรงนี้นี่เอง เราก็จะเจอของเล่นใหม่อีกจุดนึง
ก็คือ

ตัวละครแบ๊คอัพครับ



ในเวอร์ชั่นนี้ เราจะมีช่องNPCเพิ่มมาอีกช่องนึงครับ
ก็ไม่ใช่ใครที่ใหน พวกโอเปอร์กับเอ็นจิเนียหน้าเดิมๆ ที่เราคุ้นเคยกันนั้นแหล่ะครับ

แล้วก็คล้ายๆกับข้างบนครับ เราสามารถเลือกอบิลิตี้ให้กับคุณน้องเขาได้
โดยฝั่งตัวละครแบ๊คอัพนี้ส่วนใหญ่จะเป็นSkillที่ส่งผลหลังจากจบฉากครับ เช่น ได้APเยอะขึ้น
ได้ไอเทมมากขึ้น อะไรประมาณนั้นครับ


และลูกเล่นใหม่อันสุดท้ายสำหรับเดโมนี้ ก็คือ
เออ.....
คือ.... เออ.... เรียกอะไรดี?
เอาเป็นว่า ดูภาพเอาแล้วกันครับ


หลังจากที่เราจบฉากแล้ว ตัวเกมก็จะสุ่มการ์ดตัวละครในทีมขึ้นมาครับ
โดยที่แต่ละตัวก็จะมีลูกเล่นติดมาด้วยแตกต่างกันไปครับ
เช่นในภาพ จากซ้าย
ฮิบาริ :ทำให้ได้ไอเทมเพิ่มขึ้น
นานะ :มีโอกาสได้ไอเทมบางอย่าง โดยไม่สนพลังที่เหลืออยู่
เอริน่า :ได้ AP เพิ่มขึ้น
ชิเอล :ได้ไอเทมพื้นพลังเพิ่มขึ้่น

เลือกได้ 1 ใบครับ เลือกอะไรก็ได้ผลตามนั้นครับ


นั่นแหล่ะครับท่านผู้ชม
สำหรับลูกเล่นใหม่ในเดโมที่ปล่อยมาวันนี้
ส่วนตัวเต็มจะเป็นยังไง ก็รอดูกันต่อไปครับ
วันที่ 19 เดือนนี้ครับ

พาทัวร์ลูกเล่นใหม่ GE2RB -บลัดเรจ

พาทัวร์ลูกเล่นใหม่ GE2RB
  -บลัดเรจ
 หายหน้าหายตาไปเดือนกว่าๆ ครับด้วยสมการอะไรบางอย่าง

วันนี้โอกาสดีเลยมาพูดถึงเรื่องเกมกันมั่งดีกว่า
เพราะวันนี้ เป้นวันที่ ตัวเดโม่ของGE2RBถูกปล่อยออกมาให้ลองกันครับ

งวดนี้ด้วยความที่ ขี้เกียจแคปรูปครับ ก็เลยยัดมาเป็นคลิ๊บซะเลย แล้วค่อยมานั่งบรรยายเอา

ก็ ขยายความกันซักนิดหน่อย บลัดเรจ คือลูกเล่นที่ทำให้ตัวละครของเราไวขึ้น โจมตีแรงขึ้น และเกจสเตมิน่าไม่ลดลง ในช่วงเวลาหนึ่ง

ภาพประกอบนาทีที่ 1.50
การจะใช้บลัดเรจนั้น เก็บเกจคังคิที่อยู่ทางขวาของจอให้ได้เกิด100ขึ้นไปก่อนครับ
เกจนี้เก็บได้มากกว่า 100 และสะสมข้ามฉากได้

ภาพประกอบนาทีที่ 2.02
 เต็มละ กดใช้ได้
  ตรงนี้ผมชอบของวีต้ามากกว่าแฮะ เพราะไถจอเอาลูกเดียว ดูสะดวกกว่ายังไงไม่รู้

ภาพประกอบนาทีที่ 2.12
เมื่อเปิดใช้งานแล้ว บลัดเรจจะยังไม่ติดทันทีนะครับ ต้องเคลียเงื่อนไขซะก่อน
 โดยจะมีเป้าหมายขึ้นมาให้เลือกครับ
  ในที่นี้เรามีวาจูล่าตัวเดียวครับ จึงมีแค่เป้าหมายเดียวให้เลือก

 ดูที่ช่องเหลืองๆ จะบอกว่า เราต้องทำดาเมจใส่วาจูล่าอย่างน้อย 1992 ดาเมจ
ถ้าทำสำเร็จ ก็จะสามารถเปิดใช้งานบลัดเรจได้ที่ 140% ครับ
แต่ยังก่อนครับ ตัวเลือกยังไม่หมดแค่นั้น


ภาพประกอบนาทีที่ 2.30
ขั้นต่อไปเป็นการเลือกออฟชั่นครับ ลงสนามจริงจะมีขึ้นมาให้ยาวเหยียดเต็มหน้าไปหมดครับ .....จะตายเพราะมัวแต่เลือกออฟชั่นมันนี่แหล่ะครับ
แต่อันนี้เป็นโหมดฝึก จึงมีให้แค่ 2 อันครับ
  สามารถเลือกได้ทั้งหมด หรือไม่เลือกเลยก็ได้

 ถ้าไม่เลือกเลยเงื่อนไขของการเปิดบลัดเรจก็จะเป็น "1992ดาเมจ"
ตามี่เราเลือกไว้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ครับ

แต่ถ้าเราเลือกอะไรเพิ่ม เราก็ต้องทำเงื่อนไขที่มากขึ้นแลกกับเปอร์เซ็นบลัดเรจ
ที่สูงขึ้นครับ

ตัวเลือก2ตัวที่เรามีตอนนี้คือ ทำดาเมจเพิ่มขึ้นอีก 20%
    เมื่อเลือกข้อนี้ จากเงื่อนไขเดิมที่ต้องทำแค่ 1992 ดาเมจ
     ก็จะขยับเป็น 2390ดาเมจครับ
      แต่ถ้าทำสำเร็จ บลัดเรจ140%ที่เราเลือกไว้ก่อนหน้านี้ ก็จะเพิ่มเป็น   160%ครับ
กับ อีกตัวเลือกคิองับวาจูล่า1ที ถ้าทำสำเร็จ ก็จะได้เปอร์เซนเพิ่ม อีก10% ครับ

ภาพประกอบนาทีที่ 3.15
เมื่อเลือกอะไรเสร็จหมดแล้ว ตัวก็จะเริ่มนับถอยหลัง 30วิครับ
แล้วก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำดาเมจหรือเงื่อนไขย่อยที่เราเลือกไว้ครับ
เลือกมากก็ทำมาก เลือกน้อยก็สบายหน่อย
 เราทำอะไรไปบ้างแล้ว ดูได้จากมุมซ้ายล่างครับ

ที่เหลือก็ อย่างที่เห็นครับ ถ้าทำไม่ทันก็ฟลาวด์ไป เก็บเกจใหม่ ทำใหม่ครับ~

เออ.... ตัดจบยังไงดี เอาเป็นว่า ไว้นึกอะไรออกจะมาต่อแล้วกันครับ~

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

เทสๆ ดับเบิลรีวิว ลูกชายคนที่ 7ของโดราเอม่อน



เมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมา ผมใช้เวลาไปกับการดูหนังที่โรงหนัง
 บวกกับมีเรื่องที่อยากดูถึง 2 เรื่อง ก็คือโดราเอม่อน ซึ่งฉายไม่กี่วันหลังจากผมกลับจากญี่ปุ่น
 แล้วก็ เซเว่นซัน ซึ่งเป็นอารมณ์ต่อเนื่องมาจาก ฮอปบิท ครับ
(ประมาณว่า ดูฮอปบิทแล้วอยากดูหนังอารมณ์แฟนตาซีอะไรประมาณนี้)
บวกกับหนังเข้าวันที่ 31พอดี เลยจัดซะเลย

โอเคเรามาว่ากันไปทีละเรื่อง เริ่มจาก


เป็นครั้งแรกที่โดราเอม่อนถูกทำเป็นหนังชนโรงแบบ 3D ครับ
โดยได้ผู้กำกับหนังดราม่าชื่อดังอย่าง Alway (ที่ผมไม่ได้ดู) มาจัดเต็มให้คนดู
โดยเนื้อเรื่องเป็นการเอาตอนสำคัญๆ หลายๆ ตอนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นอนาคตของโนบิตะ 
และการจากไปของโดราเอม่อน มายำรวมกันให้เป็นหนังเรืองเดียวกันครับ 

เหมือนว่า ตัวหนังจะถูกตั้งโจยท์เอาไว้ว่า จะต้องทำให้คนดูที่ไม่รุ้จักโดราเอม่อนดูรุ้เรื่องด้วย 
ดังนั้นตัวหนังจึงไม่ได้เริ่มเรื่องมากลางทางเหมือนกัน โดราเอม่อนมุวี่เรื่องอื่นๆ 

แต่เริ่มเรื่องตั้งแต่การเจอกันครั้งแรกระหว่างโบนิตะและโดราเอม่อนกันเลยทีเดียวครับ 

สำหรับคนที่เคยดู หรืออ่านเวอร์ชั่นต้นฉบับมาก่อน จะพอดูออกครับว่า
ตัวหนังจะแบ่งเป็นช่วงๆ ครับ

ช่วงการเจอกัน

ช่วงการใช้ของวิเศษ (ซึ่งตรงนี้เองก็เป็นการพรีวิวของวิเศษชิ้นอื่นที่จะมีบทบาทในเรื่องต่อไปด้วย)

ก่อนจะปูเรื่องไปว่าของวิเศษไม่สามารถทำให้โนบิตะลงเอยกับชิซุกะได้ 

ก่อนจะลิ๊งค์ไปถึงช่วงอนาคตที่ทำให้ชิซุกะตัดสินใจแต่งงานกับโนบิตะ 
(ซึ่งตรงนี้ก็มีการปรับบทนิดหน่อย แต่ก็ตัดบทบางส่วนที่น่าสนใจ อย่างเช่น ตอนที่โนบิตะไปคุยกับอาจารย์ ไปด้วยเหมือนกัน)

แน่นอนครับ เมื่อทุอย่างแฮปปี้ดูดีไปหมด เรื่องก็จะตัดเข้าสู่่
ช่วงที่โดราเอม่อนต้องกลับไปสู้โลกอนาคต

และตัดจบที่ช่วงสุดท้ายที่ตัวโฆษณาหรือเทลเลอร์ใดๆ ไม่มรการพูดถึงเลย 
(ซึ่งคนที่เคยอ่านมาก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น)

...........
ช่วงที่สนุกที่สุดอีกส่วนนึง สำหรับคนที่เคยอ่านต้นฉบับมาก่อน
ผมว่าก็คือช่วง เครดิตหลังจบนี่แหล่ะครับ 
เพราะทำเป็นฉากหลุดๆ สไตล์เบื้องหลังการถ่ายทำ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เคยมีในเวอร์ชั่นใหนมาก่อน 

........
มาดูกันที่ตัวหนังครับ 

ด้วยเทคโนโลยี3Dในปัจจุบัน จึงไม่ยากเลยซักนิดครับ ที่จะทำให้ตัวหนัง3D ดูมีชีวิตชีวาได้แบบอนิเม2D
แถมยังเก็บรายละเอียดปลีกย่อย และคุมสเกลของฉากได้อย่างน่าสนใจ 

สิ่งที่โดนใจผมเป็นพิเศษคือบรรยากาศของตัวเมืองครับ 
การเป็นหนัง 3D ทำให้ภาพนี้ คือโดราเอม่อน ที่เก็บรายละเอียดบรรยากาศฉากตัวเมืองได้
เยียมยอดที่สุด เท่าที่โดราเอม่อนมูวี่ เคยมีมาครับ!!

อีกสิ่งนึงที่หลายๆ คนอาจมองข้ามไปหรือหลงลืมไปครับ 
ว่าโดราเอม่อนนั้น จะเรียกว่าเป็นหนังย้อยยุคก็ว่าได้ครับ 
เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในโลกยุคราวๆ 30ปีที่แล้ว ยุคที่ยังไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มือถือไซด์กระติกน้ำ

ดังนั้นสิ่งที่ปรากฎในเรื่องอย่าง บ้านเมือง ผู้คน รถรา ตู้กดน้ำ ถูกเก็บรายละเอียดมาให้เป็นญี่ปุ่นยุค30ปีที่แล้วได้อย่างดีครับ 

ทว่าเมื่อสถาพแวดล้อมถูกเก็บรายละเอียดมาอย่างดีแล้ว ก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ครับว่า
ไม่มีใครสนใจไอ้โนบิตะที่ปะค๊อปเตอร์ไม้ไผ่ร่อนไปร่อนมาอยู่กลางลานนั่นะเลยเรอะ - 0-...

แต่เอาเถอะ... ไม่ต้องไปสนใจครับ เราไปดูโดราเอม่อน ไม่ได้ไปดูตัวประกอบเอม่อน 

 ...................
ด้านความซึ้งของเนื้อเรื่อง....
ครับ ก็ต้องยอมรับว่า ส่วนนึงที่ตัวหนังเองหยิบมาเป็นจุดขายเลยก็คือ 
ความซึ้งของเนื้อเรื่องที่ว่าด้วยการจากลาระหว่างโดราเอม่อน และโนบิตะ 

ซึ่งตรงนี้เออ....... ผมขอข้ามไปละกันครับ
ไม่ใช่ว่าหนังทำมาไม่ดี 
แต่เดิมทีผมเองก็เป็นชาวไทยใจหยาบกร่าน ซึ่งไม่ได้อะไรกับเนื้อหาอะไรราวๆ นี้อย่าแล้ว
ยิ่งบวกกับการที่เคยรู้เนื้อเรื่องมาทังหมดแล้ว ก็ยิงทำอะไรผมไม่เข้าไปใหญ่
ดังนั้นผมจึงนั่งดู ชิลตลอดเรื่อง ^ ^"....

............
ส่วนด้านอื่นๆ 
อืมม...อะไรดี..
ตอนดูผมดูเสียงยุ่น ก็เลยไม่มีคอมเม้นอะไรเรื่องเสียงไทย 
อ่อ! นึกออกละ  ตัวหนังมีซํบให้ครับ  แถมเป็นซับ 2 ภาษา....

ซึ่งบางช่วงบางตอนก็เกะกะเหมือนกันครับ 
และผมเข้าใจเอาเองว่า คนทำซับก็เป็นคนธรรมดา ที่ไม่ได้รู้จักโดราเอม่อนมากมายอะไร 
(ซึ่งก็ไม่แปลกครับ)

เพราะดูเหมือนซับจะอิงมาจากซับEngครับ ซึ่งตัวซับEngเองนั้น ก็อิงพื้นฐานของฝั่งตะวันตกอีกทีครับ 
อันจะเห็นได้จากชื่อตัวละครครับ 
เช่น ไจแอนด์ ในซัพEngจะใช้ชื่อ Big G 
และไจโกะ เป็น Litter G

ขณะที่ตัวซัพไทยนั้น จะเรียกชื่อตัวละครหลักๆ อย่าง โนบิตะ ชิซึกะ ตามเวอร์ชั่นญี่ปุ่นครับ
ทว่าตัวละครที่ไม่เป็นที่รุ้จักสำหรับคนทั่วไปอย่าง เซวาซิ 
ซัพไทยจะฟอโล่ตามซับEng โดยใช้ชื่อว่า โซบิ

และเรียกโดราเอม่อนว่า แมวน้ำ แทนที่จะเป็นทานุกิ
บลาๆๆๆ 

............
เอาเป็นว่าโดยรวม 
ภาคนี้เป็นโดราเอม่อนที่สนุกเหมือนเคยครับ
ดูเพลินดี และดูได้ทุกเพศทุกวัย
และก็เป็นการเอาตอนธรรมดาที่ไม่ใช่ตอนพิเศษมาขึ้นจอ ซึ่งไม่ค่อยเห็นได้บ่อยนัก

ดูแล้วก็ชวนให้คิดครับ ว่าจะมีเอาเอาโมเดลชุดนี้มาทำมูวีอื่นต่อรึเปล่า 

...................................

หลังจากออกจากโรงผมก็ไม่รอช้า เดินชนที่ขายตัว สอยตั๋วเรื่องต่อไปทันทีครับ 






                                      Seventh Son 7วันปั่นลูกชาย

 เรื่องราวของอัศวินเฒ่าเกเกอร์รี่ ที่ผนึกราชินีแม่มดไว้ในภูเขา
เวลาผ่านไปเมื่อคืนพระจันทร์แดงย้อนกลับมา ราชินีแม่มดจึงหลุดออกมาได้ 
ทำไห้เกเกอร์รี่ต้องออกเดินทางไปกำจัดราชินีแม่่มดตนนี้อีกครั้ง.........

 แล้วถ้าว่าทำไมตอนจับได้ครั้งแรกถึงไม่ฆ่า แค่ผนึกไว้? 
แหม.... ก็ตอนนั้นเค้ากิ๊กเก่ากัน เลยฆ่าไม่ลง XD



อืมม ถ้าจะให้ลงรายละเอียดอีกหน่อยก็มี องประกอบอีกเล็กน้อยครับ
อย่างเช่น เกเกอร์รี่ต้องไปหาลูกศิทย์ใหม่มาใช้งาน ซึ่งเป้าหมายก็คือ
ลูกชายคนที่เจ็ดของคนที่เจ็ด ที่มีความสามารถมองเห็นอนาคตได้เป้นบางครั้ง...เออ...3 ครั้ง
และมีผลกับเนื้อเรื่องครั้งนึง  

อะช่างมัน นั่นไม่ใช่ประเด็น
ยิ๊บย่อนอีกนิดก็คือ...เนื้อเรื่องสูตรสำเร็จครับ 
นางเอกเป็นลูกสาวแม่มดฝ่ายตรงข้าม 
ผิดใจกันปลายๆ เรื่อง เพราะถูกสั่ง(อย่างไม่เต็มใจ)ให้มาเอาของสำคัญไปจากพระเอก 
แล้วก็คืนดีกันตอนท้ายเรื่อง 





บรรยากาศตัวหนังโอเคครับผม เอ็ฟเฟ็คหรูหราดี ดููแล้ว กลับบ้านอยากเล่นสการรีม ไม่ก็วิชเชอร์ ต่อเลย

ด้านเรื้อเรื่อง.....
ก็....เออ..  บอสหลุด เดินทางปราบบอส.....
ครับ

สำหรับคนที่ยังไม่รุ้จักผมครับ ผมเป็นคนสไตล์ ดูหนังไม่ต้องใช้สมองครับ
ผมไ่ม่ใส่ใจอะไรมากกับ เหตุผล หรือความสมจริง ความ......บลาๆๆ 
กว่า70%ของหนังยอดเยี่ยมที่ได้รางวัลออสก้าห้าเหวอะไรนั่น คือหนังที่ผมดูแล้วหลับครับ

แต่ขอให้มีระเบิด มีบู้กันฟันโดน ผมก็โอเคละครับ 
ดังนั้นหนังที่ผมดูแล้วสนุกจึงเป้นหนังอย่าง ทรานฟรอมเมอร์ หรือ ต้มยำกุ้ง

โอเช กลับเข้าเรื่องของเรา
สำหรับฉากบู้เรื่องนี้.....ก็.....ต้องบอกเลยว่า เฉยๆ ครับ
คือไม่น่าเกลียด แต่ก็เป็นฉากบู้สไตล์ตะวันตกละครับ ตะเกียกตะกายก๊องแก๊ง ดูแล้วไม่รุ้สึกอะไรเท่าไหร่ เทียบกับฉากบู้ตะวันออก 

ด้านเอ็ฟเฟ็ก หรูหร้าใช้ได้ครับ ดูแล้วอินดี
ขุนพลของแม่มด ที่ดูแล้วหลุดออกมาจาก DotA ก็น่าสนใจไม่เลว
ดูแล้วมีจุดเด่นและดูแข็งแกร่งมากครับ ทว่า
 ทุกตัวมีจุดร่วมของจุดจบร่วมกันครับ คือ.....ไปแหย่มกะตัวเอก

ครับ อารมประมาณ ลุยมาแล้วทั้งกองทัพ ร้อยเอ็ด7ย่านน้ำ ผู้คนต่างหวาดกลัว
แต่พอเจอตัวเอก.... โอ๊ะ...... แป้แย้ว แย่จัง มุ๊งมิ๊งๆ 

และ ที่สำคัญที่สุุด ถ้าท่านดูคลิ๊บเทลเลอร์ 3 ตัวที่ผมแปะไว้ด้านบน
ต้องขอแสดงความยินดีด้วยครับ 

ท่านได้ดูฉากหรุหราอลังการของทั้งเรื่อง ..... ครบหมดแล้วครับ 
ครับ นั่นแหล่ะครับ ทังเรื่องยัดลงเทลเลอร์มาหมดแล้ว 

เฮ~......จบดีกว่า 
เอาเป็นว่า ถ้าว่างๆ ไม่รู้จะดูอะไร ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ดูเพลินๆ ~